
รู้หรือไม่...คุณอาจทำร้ายตับและไต โดยไม่รู้ตัว!
“ตับ” มีหน้าที่หลัก คือ กำจัดของเสียและล้างสารพิษออกจากร่างกาย รวมถึงควบคุมสารอาหารที่เข้าสู่ร่างกายที่จำเป็นในกระบวนการย่อยอาหาร เพื่อให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติ
นอกจากนี้ตับยังช่วยย่อยไขมันในลำไส้เพื่อดูดซึมสารอาหาร วิตามินเอ ดี อี และเค มาใช้ ช่วยสร้างโปรตีน วิตามิน สร้างสารที่ทำให้เลือดแข็งตัว และสำรองสารอาหารไว้ใช้ในเวลาที่ร่างกายต้องการ อีกด้วย
ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมทำร้ายตับ เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมากเกินไป และ การทานน้ำตาลมากเกินไป เพราะการมีระดับน้ำตาลที่สูงทำให้เกิดการสะสมไขมันในตับจนกลายเป็นโรคไขมันพอกตับ ซึ่งเกิดขึ้นได้แม้จะเป็นคนที่ไม่อ้วนก็ตาม แต่หากร่างกายของเรามีไขมันส่วนเกินมากเกินไป อาจเกิดการสะสมที่ตับจนนำไปสู่โรคไขมันพอกตับ ส่งผลให้ตับอักเสบเรื้อรัง จนนำไปสู่ภาวะตับแข็ง โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีน้ำหนักเกิน คนที่เป็นโรคอ้วน หรือคนที่เป็นโรคเบาหวาน อีกทั้งหากปล่อยให้ตับต้องเผชิญกับพฤติกรรมทำร้ายสุขภาพตับอยู่ทุกวัน อาจเกิดอันตรายต่อตับจนกระทั่งส่งผลให้เกิดภาวะตับแข็ง ซึ่งเสี่ยงต่อการลุกลามจนเกิดโรคดมะเร็งตับได้
“ไต” มีหน้าที่หลัก คือ กรองและขับถ่ายของเสียที่เกิดจากการเผาผลาญในร่างกาย โดยจะขับออกมาเป็นปัสสาวะ ถ้าไตเสื่อมหรือทำงานได้ไม่ดีจะทำให้ของเสียจำพวก ยูเรีย ครีอะตินิน กรดยูริก และสารประกอบไนโตรเจนอื่น ๆ สะสมอยู่ในร่างกายมากเกินไป อาจส่งผลให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายเกิดปัญหาได้ นอกจากนี้ไตยังช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมไปใช้ได้ดีขึ้น ช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือด และช่วยควบคุมระดับความดันโลหิตให้คงที่ เพื่อให้ร่างกายมีเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ได้อย่างเพียงพออีกด้วย ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมทำร้ายไต เช่น การกลั้นปัสสาวะ การทานอาหารรสเค็มมากเกินไป การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป เป็นต้น

ด้วยเหตุนี้เราจึงควรหันมาใส่ใจฟื้นฟูสุขภาพตับและไต ด้วย 4 อาหารล้างพิษ ที่ดีต่อตับและไต
ตามมาดูพร้อมกันเลย
แคร์รอต
ช่วยล้างสารพิษที่สะสมอยู่ในตับ และขจัดไขมันส่วนเกินออกจากตับ เพราะเต็มไปด้วยฟลาโวนอยด์และเบต้าแคโรทีนปริมาณสูงมาก รวมถึงช่วยกระตุ้นและส่งเสริมการทำงานโดยรวมของตับได้
แอปเปิล
ช่วยขจัดสารพิษตกค้างทั้งที่ตับและที่ไต เพราะมีเส้นใยอาหารช่วยให้ระบบย่อยทำงานได้ดี และมีสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย ทำหน้าที่ต่อสู้กับคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดี และลดอาการอักเสบ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ไตทำงานได้แย่ลง
กระเทียม
ช่วยกระตุ้นเอนไซม์ในตับซึ่งช่วยให้ร่างกายขับสารพิษออกมาได้ และยังมีสารที่ในการช่วยล้างพิษที่สะสมในตับได้เช่นกัน
เลมอนและมะนาว
ช่วยให้ร่างกายได้สังเคราะห์สารพิษต่าง ๆ ให้ละลายน้ำได้ เพราะอุดมไปด้วยวิตามินซี อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการทำงานของตับได้อีกด้วย
โดยคุณสามารถหาซื้อ อาหารล้างพิษนี้ได้ง่ายมาก และหากคุณเป็นสมาชิก เอไอเอ ไวทัลลิตี้ เมื่อซื้อสินค้าอาหารสุขภาพที่ร่วมรายการ ที่ท็อปส์และเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ ก็จะได้รับส่วนลด 15% ประหยัดสูงสุด 300 บาทต่อเดือน รวมสูงสุด 3,600 บาทต่อปีสมาชิก และรับ 1 คะแนนไวทัลลิตี้ จากยอดซื้อทุก ๆ 5 บาท สูงสุด 400 คะแนนต่อเดือน หรือสูงสุด 4,800 คะแนนต่อปีสมาชิก
อาหารเพื่อสุขภาพที่ร่วมรายการ ได้แก่
- ผักสด ได้แก่ ผักสดพื้นบ้าน ผักสดนำเข้า ผักปลอดสารพิษ ผักสลัดสดชนิดแพคพร้อมทาน เห็ด (ไม่รวมผักแปรรูป)
- ผลไม้สด ได้แก่ ผลไม้ไทย ผลไม้นำเข้า ผลไม้ตามฤดูกาล ผลไม้ตัดแต่งพร้อมทาน (ไม่รวมผลไม้แปรรูปและผลไม้อบแห้ง)
- นมสดพาสเจอร์ไรส์สูตรพร่องมันเนย
- ไข่สด ได้แก่ ไข่สดทุกประเภท (ไม่รวมไข่แปรรูป)
- ปลาสด ได้แก่ ปลาสดชนิดแบ่งขายตามน้ำหนัก ชนิดแพค และ แช่แข็ง (ไม่รวมปลาแปรรูป ซาชิมิ และปลาปรุงรส)
- ข้าวสารไม่ขัดสี ได้แก่ ข้าวกล้อง ข้าวกล้องหอมมะลิ ข้าวไรส์เบอร์รี่ ข้าวไม่ขัดสีชนิดออแกนิค (ไม่รวมข้าวไม่ขัดสีแปรรูป)
วิธีที่จะได้รับคะแนน เอไอเอ ไวทัลลิตี้ เพิ่ม นอกจากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์แล้ว ยังรวมถึงการออกกำลังกายและการตรวจสุขภาพอีกด้วย ยิ่งคุณสะสมคะแนนมากก็จะมีสถานะสูงขึ้น พร้อมรับรางวัลจากการดูแลสุขภาพและสิทธิประโยชน์ที่มากขึ้น รวมถึงส่วนลดเบี้ยประกันภัยสูงสุด 25% อีกด้วย
ใครที่ยังไม่มี เอไอเอ ไวทัลลิตี้ ประกันที่ตอบโจทย์คนรักสุขภาพ คลิกติดต่อกลับตัวแทน AIA ด้านล่างนี้ได้เลย
รู้แบบนี้แล้ว เราควรหันมาใส่ใจดูแลและฟื้นฟูตับและไตให้แข็งแรง ไม่ให้ต้องทำงานหนักจนเกินไป และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยลดและชะลอความเสื่อมตามอายุที่เพิ่มขึ้นได้ รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายแรงได้ มาดูวิธีการดูแลตับและไตกันเลย
วิธีการดูแลตับและไต
• ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 6 - 8 แก้ว รวมประมาณ 1.5 - 2 ลิตร เพราะหากการดื่มน้ำน้อยกว่าปริมาณที่ร่างกายต้องการ จะทำให้การไหลเวียนเลือดและการขับของเสียด้อยประสิทธิภาพลง
• ทานอาหารที่มีกากใยสูง ผ่านการขัดสีน้อย อาหารที่มีโอเมก้า 3 เช่น เนื้อปลา น้ำมันถั่วเหลือง ซึ่งจะช่วยลดการอักเสบของตับ ลดอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง
• หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง รวมถึงอาหารที่มีไขมันทรานส์ เช่น ขนมกรุบกรอบและขนมอบ
• ลดอาหารหวานและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เพราะจะทำให้แบคทีเรียในลำไส้เติบโตเร็วเพิ่มความเสี่ยงตับอักเสบ
• ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 150 นาที จะช่วยลดภาวะดื้ออินซูลิน ลดไขมันเลว และเพิ่มไขมันดีในเลือด ซึ่งดีต่อตับและไต
• ควบคุมน้ำหนักตัว ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เพื่อช่วยลดการเกิดภาวะตับอักเสบ และช่วยลดไขมันสะสมในตับ
• หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์
• ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี โดยต้องตรวจระดับการทำงานของไต ค่าการทำงานของตับ เอนไซม์ ตรวจการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี หรือตามที่แพทย์แนะนำ
เราขอให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดีและมีความคุ้มครองติดตัวไว้เพื่อความอุ่นใจในการใช้ชีวิต
หมายเหตุ :
สิทธิประโยชน์ของสมาชิกเอไอเอ ไวทัลลิตี้เป็นไปตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของเอไอเอ ซึ่งเอไอเอขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง แก้ไข ข้อกำหนดและเงื่อนไขต่าง ๆ โดยท่านสามารถตรวจสอบเพิ่มเติมได้ที่แอปพลิเคชัน AIA+ หรือเว็บไซต์ https://www.aia.co.th/th/health-wellness/vitality/rewards
ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และ กรมอนามัย