
ในช่วงเทศกาลกินเจแบบนี้ เรามาทำความรู้จักความหมายของเทศกาล และวิธีการกินเจกันเลย
ใครที่ยังไม่เคยลองกินเจ อาจจะเริ่มลองปีนี้เป็นปีแรกกันดูได้ เพราะนอกจากอิ่มบุญอิ่มใจจากการไม่เบียดเบียนสิ่งมีชีวิตและการถือศีลแล้ว ยังทำให้สุขภาพดีจากการรับประทานผักผลไม้อีกด้วย (อย่างไรก็ตาม ควรเลี่ยงการทานแป้ง และของทอด ของมัน มากเกินไปในช่วงเทศกาลกินเจด้วยนะครับ)
ช่วงเทศกาลกินเจของทุกปี ตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ ถึง 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีน ตรงกับเดือน 11 หรือเดือนตุลาคมของไทย ตามปฏิทินสากล รวมเป็นเวลาทั้งสิ้น 9 วัน 9 คืน
คำว่า “เจ” ในภาษาจีนทางพระพุทธศาสนา หมายถึง “อุโบสถ หรือการรักษาศีล 8” ของศาสนาพุทธนิกายมหายาน ที่จะมีการรักษาศีล ไม่ทานอะไรหลังเที่ยงวันตามหลักศีล 8 ข้อ และงดเว้นการทานเนื้อสัตว์ เพื่อเป็นการไม่เบียดเบียนสิ่งมีชีวิต ภายหลังจึงเรียกการไม่ทานเนื้อสัตว์โดยทั่ว ๆ ไปว่า “กินเจ” ไปด้วย แต่จริง ๆ แล้วการกินเจที่ถูกต้องในช่วงเทศกาลกินเจนั้น ไม่ใช่เพียงแค่งดเนื้อสัตว์ และเครื่องปรุงที่มีส่วนประกอบของเนื้อสัตว์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการรักษาศีล ประพฤติตัวเป็นคนดีทั้งกาย วาจา ใจ อีกด้วย สำหรับคนถือศีล 5 จะยังสามารถแต่งหน้า และฉีดน้ำหอมได้ แต่ถ้าหากถือศีล 8 จะทำไม่ได้
สัญลักษณ์ของการกินเจและอาหารเจ จะมี “ธงเจ” ติดไว้ โดยมีความหมายว่าเป็นเครื่องยืนยัน ย้ำเตือนพุทธศาสนิกชนให้หันมาเตรียมตัวร่วมเทศกาลกินเจด้วยกัน ซึ่งตัวอักษรภาษาจีน อ่านว่า “ไจ” หรือ “เจ” หมายถึง “ของไม่มีคาว” และการใช้ตัวอักษรสีแดง หมายถึง ความเป็นสิริมงคลในชีวิต ส่วนพื้นหลังสีเหลือง หมายถึง สีของพุทธศาสนา หรือผู้ทรงศีลนั่นเอง
ทำไมต้องกินเจ?
หัวใจของการกินเจ คือ เพื่อละเว้นการเบียดเบียนสิ่งมีชีวิต และประพฤติตัวเป็นคนดีทั้งกาย วาจา ใจ อาหารเจถือเป็นอาหารชีวจิตอย่างหนึ่ง เพราะช่วยปรับสภาพร่างกายให้สมดุล ล้างพิษในร่างกาย รวมถึงช่วยเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะคนจีนเชื่อว่า เนื้อสัตว์เป็น “หยิน” และผักผลไม้เป็น “หยาง” โดยธรรมชาติคนเรามักทานเนื้อสัตว์เยอะกว่าผักผลไม้ การงดทานเนื้อสัตว์จึงเป็นการปรับให้หยินและหยางสมดุลกันมากยิ่งขึ้น นอกจากจะทำมีให้สุขภาพที่ดีขึ้น การกินเจยังถือเป็นการทำบุญ เพื่อชำระล้างใจให้สะอาดอีกด้วย

อาหารที่ห้ามทาน ได้แก่
- เนื้อสัตว์
- ผักที่มีกลิ่นฉุน เพราะจะทำให้ร่างกายและพลังธาตุถูกทำลาย เช่น ผักชี กระเทียม (ไม่ดีต่อหัวใจ) หอมใหญ่ หอมแดง ต้นหอม (ไม่ดีต่อไต) หลักเกียวหรือกระเทียมโทนจีน (ไม่ดีต่อม้าม) กุยช่าย (ไม่ดีต่อตับ)
- นม เนย น้ำมัน และผลิตภัณฑ์จากสัตว์
- อาหารรสจัด ไม่ว่าจะเป็นเค็มจัด หวานจัด เปรี้ยวจัด หรือเผ็ดจัด
- เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
ส่วนใครที่กินเจจริงจัง ห้ามทานอาหารบนภาชนะที่ใช้ร่วมกับคนที่ไม่ได้กินเจ และต้องทานอาหารที่ปรุงจากคนที่กินเจด้วยกันเท่านั้น และห้ามสูบบุหรี่อีกด้วย
อาหารที่ทานได้ ได้แก่
- ชา กาแฟ ที่ไม่ใส่นม เนย หรือครีมเทียม
- วิตามินเสริมอัดเม็ด ที่ไม่มีสารสกัดจากสัตว์
- ขนมกรุบกรอบ ที่ไม่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์ และผักที่มีกลิ่นฉุน
- พริกไทย เป็นสมุนไพร (แต่หากรู้สึกว่ามีกลิ่นฉุน สามารถเลี่ยงได้)
- ขนมปัง (ที่เป็นขนมปังเจ หรือไม่มีส่วนผสมของนมและเนย)
- บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป (สูตรเจเท่านั้น)
- นมจากพืช เช่น นมถั่วเหลือง นมข้าวโอ๊ต นมอัลมอนต์ นมพิสาชิโอ
ส่วนอาหารที่คนกินเจทานได้ แต่ไม่แนะนำ ได้แก่
- น้ำอัดลม (ไม่มีข้อห้าม แต่น้ำตาลสูงเกินไป)
- ผงชูรส (แม้จะทำจากมันสำปะหลังและกากน้ำตาลจากอ้อย แต่ผงปรุงรสอาหารอื่น ๆ มักผสมเนื้อสัตว์)
- ดาร์คช็อคโกแลต 100% (ช็อคโกแลตส่วนใหญ่มีนมเป็นส่วนผสม แต่ดาร์คช็อคโกแลต 100% เป็นโกโก้ล้วน จึงสามารถทานได้)
- ถึงแม้การกินเจจะดูเป็นเรื่องยากสำหรับคนชอบทานเนื้อสัตว์ แต่หากคุณได้ลองกินเจ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอควบคู่ไปด้วย ก็อาจจะทำให้คุณมีสุขภาพที่ดีขึ้นทั้งกายและใจได้ เอไอเอขอสนับสนุนให้ทุกคนดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ
ขอบคุณข้อมูลจาก ไทยรัฐ คมชัดลึก