
การใช้ชีวิตในแต่ละวันดูเหมือนจะมีสิ่งที่ต้องทำมากมายภายในเวลาอันจำกัด ไม่ต้องนึกไปถึงเรื่องของการพักผ่อนหย่อนใจ แค่ลิสต์ของสิ่งจำเป็นที่ต้องทำก็แทบจะจัดการไม่ทันเสียแล้ว จะเอาเวลาที่ไหนไปดูแลตัวเองหรือคนอื่นกัน
รู้ตัวอีกทีทั้งร่างกายและจิตใจก็อ่อนล้าเต็มที จากอะไร ๆ ที่เคยจัดการได้ดี ก็ทำได้แค่ทำให้จบ ๆ ไปให้ทันเวลา ทั้งที่ทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจไปแบบไม่มีกั๊ก แต่ทำไมผลลัพธ์ถึงออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจ แถมยังเหนื่อยใจจนแทบหมดพลัง
โดยเฉพาะใครที่ต้องดูแลคนรอบข้าง อาจจะด้วยหน้าที่การงาน มีลูกค้า มีเพื่อนร่วมงานที่ต้องดูแล หรือชีวิตส่วนตัว ที่มีคนในครอบครัว เพื่อน ๆ ที่ต้องเอาใจใส่ ด้วยความตั้งใจดีที่อยากเห็นพวกเขามีความสุข
แต่คนรอบข้างของคุณจะมีความสุขได้อย่างไร ถ้าจิตใจของคุณนั้นเหนื่อยล้าจนแทบขยับตัวไม่ไหว อารมณ์ขุ่นมัวจนอาจเผลอทำตัวไม่น่ารักใส่กันและกัน แล้วสุดท้ายก็จบลงที่ความรู้สึกผิดและโทษตัวเอง ยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลงไปอีก
กฎของการส่งต่อความสุข คือ การที่ตัวเราเองต้องมีความสุขก่อน ตรรกะง่าย ๆ เพราะถ้าเราไม่มีความสุข จะเอาความสุขจากไหนไปส่งต่อให้คนรอบตัวตามที่เราตั้งใจ
หากคุณกำลังเหน็ดเหนื่อยกับภาระหน้าที่ต่าง ๆ ลองปรับเปลี่ยนความคิดและใช้ชีวิตตาม 5 ข้อนี้ดู แล้วคุณจะพบว่าการให้ความสำคัญกับความสุขของตัวเอง ไม่ใช่เรื่องเห็นแก่ตัว แต่เป็นการเติมพลัง ให้คุณได้ใช้ชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เชื่อไหมว่า การที่คุณมีความสุข จะทำให้คุณทำงานได้ดีขึ้น ความสัมพันธ์กับคนรอบตัวดีขึ้น สุขภาพร่างกายก็แข็งแรงขึ้นตามไปด้วย

1. ตื่นเช้ามา ให้เริ่มต้นวันอย่างผ่อนคลายและมีเป้าหมาย
ทันทีที่ตื่นนอน อย่าเพิ่งรีบลุกลี้ลุกลน ตื่นตระหนกตกใจรีบออกจากเตียง แต่ให้ยืดเส้นยืดสาย หายใจเข้า-ออกลึก ๆ และช้า ๆ จนกระทั่งคุณรู้สึกผ่อนคลายขึ้น ใครอ่านมาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกว่า จะให้รู้สึกผ่อนคลายตอนเช้าได้อย่างไร เพราะว่านอกจากนอนไม่พอแล้ว ตื่นมาก็รู้สึกว่าตื่นสายเกินไปเสียด้วยซ้ำ ถ้าคุณกำลังคิดแบบนี้ ขอแนะนำให้ย้ำเตือนตัวเองอยู่เสมอ ว่าการเริ่มต้นวันอย่างผ่อนคลายนั้นคือการลงทุนที่คุ้มค่า เพื่อให้ทั้งวันที่เหลือสามารถดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากความผ่อนคลายแล้ว ลองสรุปเป้าหมายสิ่งที่จำเป็นต้องทำให้สำเร็จในแต่ละวัน เพื่อให้สมองของเราไม่คิดฟุ้งเฟ้อสะเปะสะปะจนโฟกัสอะไรไม่ได้ เพราะเมื่อเรามีเป้าหมายของวันนี้อย่างชัดเจน เราก็จะรู้ว่าเราควรให้ความสำคัญกับอะไร และลดการใช้เวลาไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็นที่ไม่ใช่เป้าหมายของเรา เมื่อคุณจัดการได้ตามนี้ สมองและจิตใจของคุณก็จะเบาลง
2. มีความสุขกับการกิน Enjoy Eating
อย่าเพิ่งดีใจว่าเราแนะนำให้คุณกินแบบไม่ต้องยับยั้งชั่งใจ เพราะคำแนะนำให้มีความสุขกับการกินในที่นี้นั้นหมายถึง ให้คุณกินแบบที่จะทำให้ชีวิตคุณมีความสุขอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็น
● กินให้ช้าลง เพราะภารกิจมากมายทำให้ต้องเร่งรีบ แต่เมื่อถึงเวลาอาหาร เราก็ควรใช้เวลาไปกับการกิน กินให้ช้าลง เคี้ยวให้นานขึ้น เพราะนอกจากจะทำให้คุณได้เพลิดเพลินกับการกินแล้ว ยังช่วยให้คุณไม่กินในปริมาณที่เยอะเกินไปอีกด้วย
● กินอาหารให้อร่อย ลิ้มรสชาติของอาหารให้เต็มที่ เพราะยิ่งคุณอายุมากขึ้น การเลือกกินอาหารคือสิ่งสำคัญ เราอาจจะไม่ได้กินเยอะ หรือ บ่อยเท่ากับตอนเด็ก ๆ เพราะฉะนั้น เราต้องทำทุกมื้อให้ดีที่สุด!
● กินให้พออิ่ม อย่าทรมานตัวเองด้วยการกินเยอะจนเกินไป แม้จะเป็นมื้อบุฟเฟ่ต์ก็ตาม เตือนตัวเองไว้เสมอว่าการกินให้อร่อยและมีความสุขนั้นคุ้มค่ากว่าการกินให้เยอะแต่ทำลายสุขภาพ
3. ทำอะไรทีละอย่าง
การทำอะไรหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน ฟังดูผิวเผินแล้วอาจจะรู้สึกว่าเป็นการใช้เวลาอย่างคุ้มค่า แต่ในทางปฏิบัติจริงแล้ว ใครที่เคยได้ลองทำหลายสิ่งพร้อมกันจะรู้ว่ามันกลายเป็นการที่ทำให้สิ่งที่ควรจะเสร็จนั้นไม่เสร็จ และทำให้เสียเวลาไปมากกว่าเดิม ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือการจบลงที่เราทำอะไรไม่เสร็จเลยสักอย่าง
นอกจากนี้ ผลลัพธ์ของการทำอะไรหลายอย่างพร้อมกัน ยังออกมาไม่ดีเท่าการทำอะไรทีละอย่างอีกด้วย หลายครั้งแม้ทำเสร็จแล้ว ก็ยังต้องกลับมาแก้ไขเพิ่มเติม ทำให้เสียเวลามากกว่าเดิมไปอีก
และที่สำคัญที่สุด การโฟกัสหรือมีสมาธิจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพียงอย่างเดียว ยังส่งผลดีต่อสมองและจิตใจของเราในระยะยาว หากคุณอยากดูแลให้สมองของเราไม่ต้องทำงานหนักจนเกินไป และอยากรักษาสภาพจิตใจไม่ให้ยุ่งเหยิง การทำอะไรทีละอย่างจึงเป็นเรื่องที่ควรทำ
4. ออกไปเดินเล่น ขยับร่างกาย
หลาย ๆ ครั้งเวลาที่เคร่งเครียดกับอะไรตรงหน้า ทำให้เราคิดเรื่องดี ๆ วิธีการจัดการความเครียดแบบดี ๆ ไม่ออก
เคล็ดลับง่ายแสนง่าย คือ เดินออกจากความเครียดตรงหน้าไปก่อน ลองออกไปเดินเล่นข้างนอกสักครู่ หรือ แวะไปลองทำอย่างอื่น ตั้งแต่อะไรง่าย ๆ อย่างล้างจาน ทานขนม ง่าย ๆ เพียงเท่านี้ก็สามารถช่วยให้คุณปรับอารมณ์และมีไอเดียดี ๆ ที่จะจัดการกับปัญหาหรือความเครียดได้เป็นอย่างดี
5. ใช้เวลากับสิ่งที่ชอบ
หากใครที่มีงานอดิเรก หรือกิจกรรมที่ชอบ ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ มีภาระหน้าที่มากมายแค่ไหน อย่าลืมแบ่งเวลาไปทำสิ่งที่ชอบ และให้ความสำคัญกับสิ่งนี้ไม่น้อยกว่าภารกิจอื่น ๆ อย่ารอทำเฉพาะเวลาที่ว่าง และจะดีมาก ๆ ถ้าสามารถจัดเวลาสำหรับกิจกรรมเหล่านี้เอาไว้ได้ล่วงหน้า แล้วออกไปทำตามแผนที่วางไว้ อย่ายกเลิกหากไม่มีเหตุจำเป็นจริง ๆ
จะมีอะไรที่สร้างความสุขได้มากกว่าการที่คุณได้ใช้เวลาไปกับสิ่งที่ตัวเองชอบ เราต้องหยุดบอกว่ามันไม่สำคัญ ทำเมื่อไหร่ตอนไหนก็ได้ เพราะสิ่งนี้แหละที่จะช่วยเพิ่มพลังงานดี ๆ ให้กับร่างกายและจิตใจของคุณได้หายเหนื่อยล้า และเป็นจุดเริ่มต้นของความสุขที่คุณจะนำไปใช้จัดการภารกิจต่าง ๆ และดูแลคนรอบข้างอย่างมีความสุขตามไปด้วย
ให้ความสำคัญกับจิตใจของตัวเอง รักตัวเองให้มาก เพราะเมื่อเรามีความสุข เราจะมีแรงเหลือไปดูแลคนอื่น ไปจนถึงสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ให้คนรอบตัว
อย่าปล่อยให้ความกังวลเรื่องความมั่นคงในชีวิตมาบั่นทอนสุขภาพจิตใจของคุณ
ปรึกษา AIA Premier Advisor อีกระดับของความเป็นมืออาชีพจากตัวแทน AIA ที่พร้อมแบ่งเบาภาระในใจของคุณให้เบาลง ผ่านการดูแล ให้คำปรึกษา วางแผนประกัน การเงิน และสุขภาพอย่างครอบคลุม
กดติดต่อกลับเพื่อกรอกแบบฟอร์ม ให้ตัวแทนแนะนำแบบประกันที่เหมาะกับคุณ