
โรคมะเร็ง เป็นโรคร้ายที่คร่าชีวิตคนไทยมานักต่อนัก และเชื่อว่าไม่มีใครอยากให้โรคมะเร็งเกิดขึ้นกับตัวเองและคนที่เรารัก โดยปัจจัยการเกิดโรคมีทั้งปัจจัยภายใน เช่น พันธุกรรม และปัจจัยภายนอก เช่น อาหารการกิน การพักผ่อน สภาพแวดล้อม และมลภาวะ สิ่งที่น่ากังวลคือ หลายคนไม่รู้จักโรคนี้ดีพอ จึงไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง
สำหรับประเทศไทย ถ้าไม่นับการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ก็เห็นจะเป็นโรคมะเร็งที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของคนไทย โดยครองแชมป์ตั้งแต่ปี 2542 ปัจจุบันคนไทยป่วยเป็นโรคมะเร็งรายใหม่ปีละ 1.4 แสนคน เสียชีวิต 8.3 หมื่นคน นับเป็นภัยสุขภาพที่พบมากขึ้นในคนรุ่นใหม่และมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี
โรคมะเร็งที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตของคนไทย 5 อันดับแรก คือ
1. โรคมะเร็งตับและท่อน้ำดี
2. โรคมะเร็งปอด
3. โรคมะเร็งเต้านม
4. โรคมะเร็งปากมดลูก
5. โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง
มีการศึกษามากมายที่พยายามจะหาปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง แต่ยังไม่มีหลักฐานที่สามารถระบุสาเหตุที่แน่นอนได้ว่า ทำไมคนคนหนึ่งถึงเป็นโรคมะเร็ง ซึ่งหลายคนอาจเข้าใจว่าสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งนั้นมาจากพันธุกรรมในครอบครัว แต่แท้จริงแล้วปัจจัยหลัก ๆ ที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งนั้นคือปัจจัยภายนอก หรือพฤติกรรมการทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง เช่น
- การทานเนื้อสัตว์ประเภทปิ้งย่าง อาหารทอด อาหารไขมันสูง หรืออาหารแปรรูปต่างๆ
- การสูบบุหรี่ และการดื่มแอลกอฮอล์
- การได้รับสารกัมมันตรังสี
- ติดเชื้อบางชนิด เช่น ไวรัสตับอักเสบบีและซี
- ความบกพร่องของระบบภูมิคุ้มกัน
- ความอ้วน
- การไม่ออกกำลังกาย
- การไม่ทานผัก หรือผลไม้สด

เช็กด่วน สัญญาณเตือนจากโรคมะเร็ง
- มีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับระบบขับถ่ายหรือปัสสาวะ เช่น มีเลือดออก ท้องเสีย หรือท้องผูกผิดปกติ
- มีแผลเรื้อรังที่ไม่หาย โดยเป็นนานมากกว่า 3 สัปดาห์
- มีเลือดออก หรือมีสารคัดหลั่งออกมาจากบริเวณช่องต่าง ๆ ของร่างกายผิดปกติ เช่น หัวนม จมูก หรือช่องคลอด
- คลำพบก้อนตามอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย
- มีอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องอืด อาหารไม่ย่อย มีอาการปวดท้อง หรือกลืนอาหารลำบาก
- ไฝหรือจุดเล็กๆ ตามร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น มีลักษณะโตขึ้น มีสีผิดปกติ
- มีอาการไอที่ผิดปกติ เช่น ไอปนเลือด ไอเรื้อรัง หรือเสียงแหบ
อย่างไรก็ตามอาการเหล่านี้ไม่ได้จำเพาะต่อโรคมะเร็ง เพราะโรคมะเร็งอาจเกิดจากสาเหตุและปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมาย ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดคือเมื่อมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง และเมื่อแพทย์สงสัยว่าผู้ป่วยอาจเป็นโรคมะเร็ง จะมีการตรวจเพิ่มเติม อย่างการตรวจคัดกรองโรคมะเร็ง (Cancer Screening) ซึ่งเป็นการตรวจหาความผิดปกติภายในร่างกายก่อนที่จะมีอาการแสดง หากพบเจอโรคมะเร็งตั้งแต่ระดับต้น ทางเลือกในการรักษาและวิธีการในการดูแลตัวเองก็จะมีมากขึ้น และทำให้โอกาสรอดชีวิตมีมากขึ้นตามไปด้วย อีกทั้งเพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยโรคมะเร็งที่แน่นอนและบอกรายละเอียดเกี่ยวกับชนิดของเซลล์มะเร็งได้
เป็นที่รู้กันว่าค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลโรคมะเร็งสูงประมาณ 300,000 ถึง 8,000,000 บาท (ค่าใช้จ่ายจริงอาจเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับวิธีการรักษาและจำนวนคืนที่ต้องเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล)
ซึ่งค่าใช้จ่ายดังกล่าวยังไม่รวมถึงกรณีที่ผู้ป่วยอาจต้องมีการพักพื้นต่อที่บ้าน และการขาดรายได้จากการหยุดงานเป็นเวลานานอีกด้วย แต่ถ้าเตรียมพร้อมเรื่องความคุ้มครองสุขภาพและโรคร้ายแรงไว้ ย่อมมีเงินและมีโอกาสพร้อมสำหรับการรักษาอย่างทันท่วงที
เตรียมพร้อมด้านการเงินและเพิ่มความอุ่นใจเรื่องสุขภาพในระยะยาว ขอแนะนำ AIA CI ProCare ประกันชีวิตที่มีความคุ้มครองโรคร้ายแรง ที่ให้ความคุ้มครองตลอดชีพ
- คุ้มครองโรคร้ายแรง 62 โรค/การรักษา รวมถึงโรคอุบัติใหม่*
- รับผลประโยชน์สูงสุด 800% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย**
- คุ้มครองตลอดชีพ หรือถึงอายุ 99 ปี
รีบสมัครเลยตั้งแต่วันนี้ เพราะหากป่วยเป็นโรคร้ายแรงแล้ว จะไม่สามารถทำประกันได้ กดติดต่อกลับเพื่อกรอกแบบฟอร์ม ให้ตัวแทนแนะนำแบบประกันที่เหมาะกับคุณ
*คุ้มครองโรคร้ายแรงระดับต้นถึงระดับปานกลาง รวม 18 โรค/การรักษา และคุ้มครองโรคร้ายแรงระดับรุนแรง 62 โรค/การรักษา
** กรณีที่ผู้เอาประกันภัยได้รับการวินิจฉัยและหรือยืนยันจากแพทย์ว่า เจ็บป่วยเป็นโรคร้ายแรงระดับต้นถึงระดับปานกลาง และหรือโรคร้ายแรงระดับรุนแรงตั้งแต่ 2 โรคขึ้นไป จากสาเหตุและหรือเหตุการณ์เดียวกัน บริษัทจะจ่ายผลประโยชน์ความคุ้มครองโรคร้ายแรงที่ได้รับความคุ้มครองภายใต้สัญญาเพิ่มเติมนี้สูงที่สุดเพียง 1 โรคเท่านั้น และให้รวมถึงกรณีดังต่อไปนี้
กรณีที่ 1 ผลการวินิจฉัย “โรคมะเร็งระยะลุกลาม” และ “โรคมะเร็งระยะไม่ลุกลาม” ระบุว่า เกิดขึ้นที่อวัยวะเดียวกันข้างเดียวกัน และได้รับการรักษาหรือผ่าตัดในครั้งเดียวกัน
กรณีที่ 2 การบาดเจ็บ “แผลไหม้ฉกรรจ์” และ “แผลไหม้ชนิดรุนแรงน้อย” ที่เกิดจากอุบัติเหตุครั้งเดียวกัน
กรณีที่ 3 การเจ็บป่วยเป็น “โรคน้ำไขสันหลังคั่งในโพรงสมองซึ่งเกิดภายหลังและต้องใส่ท่อระบาย” และ “การผ่าตัดฝังท่อระบายในโพรงสมอง” ซึ่งเป็นการรักษาครั้งเดียวกัน
กรณีที่ 4 “การสูญเสียแขนหรือขาหนึ่งข้างหรือตาหนึ่งข้าง” และต่อมาผู้เอาประกันภัยได้รับการวินิจฉัยว่าเจ็บป่วยเป็นโรคร้ายแรงระดับรุนแรง ดังต่อไปนี้ “อัมพาตของกล้ามเนื้อแขนหรือขา” หรือ “การสูญเสียการดำรงชีพอย่างอิสระ” หรือ “การทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง” หรือ “ตาบอด” โดยโรคร้ายแรงระดับรุนแรงดังกล่าวเกิดจากสาเหตุเดียวกันกับ “การสูญเสียแขนหรือขาหนึ่งข้างหรือตาหนึ่งข้าง” ทั้งนี้ จะถือว่าการจ่ายผลประโยชน์ใน 4 กรณีนี้เป็นการจ่ายผลประโยชน์ความคุ้มครองโรคร้ายแรงระดับรุนแรงในแต่ละกรณีเท่านั้น
หมายเหตุ :
- ข้อมูลนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นเพื่อประกอบการนำเสนอเท่านั้น ผู้ขอเอาประกันภัยควรศึกษาทำความเข้าใจรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ประกันภัย และเงื่อนไขที่เอไอเอประกาศ ก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง
- ข้อกำหนดและเงื่อนไขของความคุ้มครองจะระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยที่ออกให้กับผู้ถือกรมธรรม์
ขอบคุณข้อมูล กรมการแพทย์