.jpg)
แคดเมียม (Cadmium) เป็นแร่โลหะหนักชนิดหนึ่ง ที่สามารถปนเปื้อนมากับสภาพสิ่งแวดล้อม และอาหาร ถูกจัดให้อยู่ในสารประเภทอันตรายทางเคมี เป็นโลหะสีเงินขาว แวววาวเป็นสีน้ำเงินจางๆ ไม่มีกลิ่น มีลักษณะเนื้ออ่อน สามารถบิดโค้งงอได้และถูกตัดได้ง่ายด้วยมีด มักอยู่ในรูปแท่ง แผ่น เส้น ลวด หรือเป็นผง
ซึ่งแร่แคดเมียมทนทานต่อการสึกกร่อนได้เป็นอย่างดี จึงนิยมในการถูกนำมาทำเป็นขั้วไฟฟ้าในแบตเตอรี่ชนิดที่เติมประจุใหม่ได้ และมักนิยมนำไปใช้เคลือบผิวโลหะในทางอุตสาหกรรม เช่น เหล็ก เหล็กกล้า ทองแดง
แร่แคดเมียมส่วนใหญ่ มักจะถูกพบในแหล่งอุตสาหกรรม และการทำเหมือง ซึ่งสามารถปนเปื้อนอยู่กับแร่ธาตุอื่น ๆ เช่น ทองแดง แร่สังกะสี และแร่ตะกั่ว หรือทองแดง ซึ่งสารตัวนี้จะปนเปื้อนมากับน้ำเสียจากโรงงาน และกลุ่มควันที่สามารถกระจายไปสู่สิ่งแวดล้อมได้
แคดเมียมกระทบสุขภาพ และก่อให้เกิดโรคอะไรได้บ้าง
แคดเมียมเข้าสู่ร่างกาย โดยผ่านทางระบบหายใจ เมื่อร่างกายสูดดมเข้าไป จะทำให้เกิดการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย อ่อนเพลีย ถ้าหากหายใจควันเข้าไปในปอด จะมีอาการเจ็บคอ ใจสั่น มีเสมหะเป็นเลือด น้ำหนักลด โลหิตจาง การหายใจจะลำบากมากขึ้นจนถึงขั้นระบบหายใจล้มเหลวและเสียชีวิตในที่สุด
รวมถึง ระบบทางเดินอาหาร โดยจะเข้าสู่ระบบหมุนเวียนโลหิตจับกับโปรตีนอัลบูมิน albumin ถูกส่งไปที่ตับ ทำให้มีอาการอักเสบที่ตับ และสารบางส่วนของแคดเมียมจะจับตัวกับโปรตีนอีกชนิดหนึ่งเมทัลโลไธโอนีน (metallothionein) เข้าไปสะสมในไต และถูกขับออกทางปัสสาวะ
โดยขบวนการขับแคดเมียมออกจากไตเกิดขึ้นช้ามาก ใช้เวลาถึงประมาณ 20 ปี ถึงสามารถขับแคดเมียมออกได้ครึ่งหนึ่งของแคดเมียมที่มีการสะสมอยู่ในไตออกได้ ทำให้มีอาการกรวยไตอักเสบ ผู้ที่ได้รับแคดเมียมเรื้อรัง มีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งต่าง ๆ เช่น มะเร็งปอด ไต ต่อมลูกหมาก และตับอ่อน นอกจากนี้ยังส่งผลทำให้เกิดโรคที่มีชื่อเรียกว่า โรคอิไต-อิไต (Itai-Itai disease) อีกด้วย
โรคอิไต-อิไต พบครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น ที่มาจากเสียงร้องของผู้ป่วย (คำว่า อิไต-อิไต แปลว่า โอ๊ย โอ๊ย) แสดงถึงความเจ็บปวดอย่างทรมาน โดยเฉพาะบริเวณ แขน ขา สะโพก บริเวณฟันจะพบวงแหวนสีเหลืองติดกับเหงือก เรียกว่า วงแหวนแคดเมียมและจะมีอาการปวดร้าวสะสมนานถึง 20-30 ปี และเมื่อร่างกายเดินไม่ไหว ก็จะเกิดการกดกระดูกสันหลัง
การปฐมพยาบาลเบื้องต้น เมื่อได้รับสารแคดเมียม
หากสูดดม: ให้รีบออกจากพื้นที่ รับอากาศบริสุทธิ์นำส่งแพทย์ทันที
หากสัมผัสกับผิวหนัง: ถอดเสื้อผ้าที่เปื้อนออกหมดทันที ล้างด้วยน้ำไหลผ่าน รีบพบแพทย์
หากเข้าตา: ล้างออกด้วยน้ำปริมาณมาก รีบพบจักษุแพทย์
หากกลืนหรือดื่ม: ให้รีบดื่มน้ำตามทันทีอย่างน้อย 2 แก้ว รีบพบแพทย์
แม้ประเทศไทยยังไม่พบผู้ป่วยจากแคดเมียมโดยตรง แต่การได้รับแคดเมียมในพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมก็อาจจะเกิดการสะสมในร่างกายจนเกิดความเป็นพิษแบบเรื้องรังได้ ดังนั้น เตรียมพร้อมให้ชีวิตแบบมีแผนสำรอง ด้วยประกันสุขภาพที่คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลยามเจ็บป่วย โดยไม่ต้องกังวลว่าเงินที่เก็บออมจะรั่วไหล
.jpg)
ขอแนะนำประกันโรคร้ายแรง AIA Multi-Pay CI Plus ที่พลัสความคุ้มครองให้มากกว่าเดิม
- รับผลประโยชน์สูงสุด 1,000% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย (1)
- คุ้มครองโรคร้ายแรง 62 โรค เคลมได้สูงสุด 11 ครั้ง (2)
- ป่วยซ้ำโรคเดิมใน 3 โรคยอดฮิตก็เคลมซ้ำได้ (3)
- เพิ่มความคุ้มครองกรณีเจ็บป่วยโคม่าเข้า ICU (4)
- กรณีช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ รับเงินก้อนและเงินดูแลต่อเนื่องนานสูงสุด 60 เดือน (5)
หากต้องแอดมิตก็ไม่ต้องห่วงเรื่องค่ารักษาอีกต่อไป ด้วยประกัน AIA Health Happy ประกันสุขภาพเหมาจ่ายแบบ เหมา-เบิ้ล-คุ้ม
- เหมา จ่ายค่ารักษาพยาบาลตามจริง สูงสุด 25 ล้านบาท ต่อรอบปีกรมธรรม์ (6)(7)
- เบิ้ล ความคุ้มครองเพิ่มเป็น 2 เท่า (8) กรณีป่วยเป็นโรคร้ายแรง (9)
- คุ้ม กับส่วนลดเบี้ยประกันภัย สูงสุด 15% สำหรับลูกค้า AIA Vitality เบี้ยฯ เริ่มต้นเพียง 1,125 บาท/เดือน (10)
สนใจซื้อประกัน กรอกแบบฟอร์มติดต่อกลับ ให้ตัวแทนแนะนำแบบประกันที่เหมาะกับคุณ
(1) ผลประโยชน์จากสัญญาเพิ่มเติม เอไอเอ มัลติเพย์ ซีไอ สูงสุด 800% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย และผลประโยชน์จากสัญญาเพิ่มเติม เอไอเอ โทเทิล แคร์ สูงสุด 200% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
(2) โรคร้ายแรงระดับต้นถึงระดับปานกลางรับผลประโยชน์ 40% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย สูงสุด 5 ครั้ง โรคร้ายแรงระดับรุนแรงผลประโยชน์ 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย สูงสุด 6 ครั้ง ทั้งนี้ เป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญาเพิ่มเติม เอไอเอ มัลติเพย์ ซีไอ
(3) 3 โรคร้ายแรงระดับรุนแรง ได้แก่ โรคมะเร็งระยะลุกลาม กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากการขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมองแตกหรืออุดตัน
(4) เมื่อเข้ารักษาตัวเป็นผู้ป่วยในห้องพักผู้ป่วยในวิกฤต (ICU) ของโรงพยาบาล เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 5 วันติดต่อกัน จากสาเหตุหรือการรักษาการเจ็บป่วยหรือการบาดเจ็บตามเงื่อนไขของผลประโยชน์ภาวะวิกฤตที่มีผลต่อการดำรงชีวิต
(5) คุ้มครอง 8 โรคที่ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้ด้วยตนเองอย่างถาวรตั้งแต่ 3 อย่างขึ้นไป ได้แก่ โรคสมองเสื่อมชนิดอัลไซเมอร์, โรคพาร์กินสัน, โรคของเซลล์ประสาทควบคุมการเคลื่อนไหว, โรคกล้ามเนื้อเสื่อม, ภาวะข้ออักเสบรูมาตอยด์ชนิดรุนแรง, การบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรง และการสูญเสียการดำรงชีพอย่างอิสระ และการทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง
6) ผลประโยชน์เหมาจ่ายในบางรายการ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากกรมธรรม์ เมื่อรวมผลประโยชน์หมวด 1-13 และค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก (ถ้ามี) ต้องไม่เกินผลประโยชน์สูงสุดต่อรอบปีกรมธรรม์
7) การรักษาตัวครั้งใดครั้งหนึ่ง จำกัดจำนวนวันการนอนในโรงพยาบาลและการปรึกษาแพทย์ ไม่เกิน 365 วัน และสำหรับหลังการเข้าพักรักษาตัวเป็นผู้ป่วยในต่อครั้ง สำหรับการรักษาพยาบาลต่อเนื่อง ภายใน 30 วัน หลังออกจากการรักษาพยาบาลเป็นผู้ป่วยใน จำกัด 2 ครั้ง ต่อการเข้าพักรักษาตัวเป็นผู้ป่วยในครั้งใดครั้งหนึ่ง
8) ผลประโยชน์สูงสุดเพิ่มเป็น 2 เท่าของจำนวนเงินเอาประกันภัย ในปีกรมธรรม์ที่ผู้เอาประกันภัยเข้ารับการรักษาตัวด้วยโรคร้ายแรง ตามคำนิยามที่กำหนดในบันทึกสลักหลัง
9) โรคร้ายแรง หมายถึง โรคร้ายแรงตามคำนิยามของโรคร้ายแรงที่ได้รับความคุ้มครองภายใต้บันทึกสลักหลัง ผลประโยชน์ความคุ้มครองกรณีโรคร้ายแรง มีดังนี้ กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากการขาดเลือด (Acute Heart Attack), โรคหลอดเลือดสมองแตกหรืออุดตัน (Major Stroke), การผ่าตัดเส้นเลือดเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ (Coronary Artery By-Pass Surgery), โรคมะเร็งระยะลุกลาม (Invasive Cancer), การผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะหรือปลูกถ่ายไขกระดูก (Major Organs Transplantation or Bone Marrow Transplantation), และการผ่าตัดเส้นเลือดแดงใหญ่ เอออร์ต้า (Surgery to Aorta)
10) คำนวณจากค่าเบี้ยประกันภัยรายปี 13,500 บาท สำหรับเพศชายอายุ 16-20 ปี แผนความคุ้มครอง 1,000,000 บาท
ขอบคุณข้อมูล สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)