
ยิ่งให้ ยิ่งได้รับ
5 ข้อดี เมื่อบริจาคโลหิต
ในบรรดาการให้ทั้งหลาย คงไม่มีการให้ชนิดใดที่เหมาะสมกับประโยค “ยิ่งให้ ยิ่งได้รับ” ไปมากกว่า “การบริจาคโลหิต” อีกแล้ว เพราะนอกจากจะได้รับความสุขจากช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์ด้วยกันแล้ว ผู้บริจาคโลหิตยังได้รับประโยชน์ตอบแทนจากการให้ในครั้งนี้อีกมากมายหลายอย่าง
รู้หรือไม่? หากเปรียบเทียบปริมาณโลหิตที่อยู่ในร่างกายของเราเป็นแก้วน้ำที่เราใช้ดื่มกันทุกวัน โดยทั่วไปแล้วในร่างกายคนเราจะมีปริมาณโลหิตอยู่ราว ๆ 17-18 แก้ว ในขณะที่ความต้องการจริง ๆ ของร่างกายจะอยู่ที่เพียง 15-16 แก้ว เท่านั้น ดังนั้นปริมาณเลือดส่วนที่เกินมานั้นจึงสามารถนำมาบริจาคให้กับผู้อื่นต่อได้ ทุก ๆ 3 เดือน
โดยการบริจาคโลหิตแต่ละครั้ง ซึ่งมีปริมาณ 350-450 มิลลิลิตร (ซี.ซี.) ขึ้นอยู่กับน้ำหนักของผู้บริจาค สามารถปั่นแยกออกเป็นส่วนประกอบถึง 3 ส่วน ได้แก่
● เกล็ดเลือด สำหรับนำไปรักษาผู้ป่วยที่มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ โรคไข้เลือดออก โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
● เม็ดเลือดแดง สำหรับนำไปรักษาผู้ป่วยโรคโลหิตจาง โรคธาลัสซีเมีย โรคไขกระดูกฝ่อ รวมถึงผู้ป่วยที่สูญเสียเลือดจากการ ผ่าตัดหัวใจ อุบัติเหตุ หรือมีอาการตกเลือดจากการคลอดบุตร
● พลาสมา สำหรับนำไปรักษาผู้ที่มีอาการช็อกจากการขาดน้ำ และนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์โลหิตเพื่อนำไปรักษาผู้ป่วยโรคต่าง ๆ เช่น เซรุ่มป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบ บี และเซรุ่มป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
ซึ่งผลจากการให้ในครั้งนี้ ก็ยิ่งทำให้ผู้บริจาคโลหิตได้รับผลประโยชน์ตอบแทนมากมาย
1. ยิ่งให้ ร่างกายยิ่งแข็งแรง
การบริจาคเลือดเป็นประจำช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์เม็ดเลือดใหม่อยู่เสมอ ซึ่งทำให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนั้นการบริจาคเลือดยังเป็นการรักษาระดับธาตุเหล็ก ไม่ทำให้เราอยู่ในภาวะ “เหล็กเกิน” ที่ทำให้เกิดการสะสมธาตุเหล็กตามอวัยวะต่าง ๆ มากเกินไปเช่น ตับ หรือหัวใจ จนเป็นสาเหตุทำให้เกิดปัญหาสุขภาพเช่น โรคตับ โรคหัวใจ หรือโรคเบาหวาน
2. ยิ่งให้ ผิวพรรณยิ่งเปล่งปลั่ง
เลือดเป็นตัวนำพาออกซิเจนและสารอาหารต่าง ๆ มาสู่ผิว ซึ่งการกระตุ้นการสร้างเซลล์เม็ดเลือดด้วยการบริจาคเลือด จะช่วยกระตุ้นให้ระบบต่าง ๆ และการไหลเวียนของโลหิตทำงานได้ดียิ่งขึ้น จึงส่งผลทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อผิว ช่วยให้ดูเปล่งปลั่ง และมีสุขภาพดี
3. ยิ่งให้ ยิ่งห่างไกลโรค เช่น ภาวะหลอดเลือดแดงตีบ
การบริจาคเลือดมีส่วนช่วยในการลดความหนืดของเลือด ซึ่งช่วยให้เราห่างไกลจากภาวะหลอดเลือดแดงตีบ เพราะถ้าความหนืดของเลือดมากเกินไปจะทำให้เลือดปั๊มสู่หัวใจยากขึ้น จนอาจทำให้เกิด อาการความดันโลหิตสูง และเกิดภาวะหลอดเลือดแดงตีบได้
4. ยิ่งให้ ยิ่งเท่ากับได้ตรวจสุขภาพ
ก่อนการบริจาคเลือด เราจะได้รับการตรวจเลือดในเบื้องต้น ซึ่งอาจทำให้เราได้พบปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ที่ตรวจเจอได้ผ่านการตรวจเลือด เช่น โรคไวรัสตับอักเสบบี โรคไวรัสตับอักเสบซี โรคซิฟิลิส รวมถึงโรคเอดส์ ซึ่งบางครั้งเราอาจไม่รู้ตัวมาก่อน รวมถึงเราจะได้รับการตรวจความดันโลหิต ซึ่งจะช่วยให้เราทราบว่าเรานั้นเสี่ยงต่อการเกิดความดันโลหิตสูงหรือ ภาวะหลอดเลือดแดงตีบอยู่หรือไม่อีกด้วย

5. ยิ่งให้ ยิ่งได้รับสิทธิประโยชน์จาก AIA Vitality
กิจกรรมดี ๆ แบบนี้ AIA Vitality ไม่มีพลาดแน่นอน กับประกันที่ตอบโจทย์คนรักสุขภาพ ที่พร้อมมอบสิทธิประโยชน์จูงใจในการดูแลสุขภาพร่างกาย บริจาคโลหิตช่วยต่อชีวิตเพื่อนมนุษย์ มีความสุขจากการเป็นผู้ให้แล้วยังสามารถขอรับคะแนนเอไอเอ ไวทัลลิตี้ 100 คะแนนต่อการบริจาค 1 ครั้ง สูงสุด 200 คะแนน / ปีสมาชิก แล้วสะสมคะแนนเพื่อเลื่อนสถานะให้สูงขึ้น และรับสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มมากขึ้นได้ เช่น ส่วนลดเบี้ยประกันภัยสูงสุดถึง 25% และสิทธิปะโยชน์ต่าง ๆ จากพาร์ทเนอร์ของ AIA Vitality ที่อยากเห็นคนไทยมีสุขภาพแข็งแรงไปด้วยกัน อาทิ Garmin, Fitbit, GrabFood, Tops, Boots, Fitness First, Virgin Active, Major Cineplex และอื่น ๆ อีกมากมาย
สนใจสมัคร AIA Vitality กดติดต่อกลับเพื่อกรอกแบบฟอร์ม ให้ตัวแทนแนะนำแบบประกันที่เหมาะกับคุณ
หมายเหตุ :
- ข้อมูลนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นเพื่อประกอบการนำเสนอเท่านั้น ผู้ขอเอาประกันภัยควรศึกษาทำความเข้าใจรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ประกันภัย และเงื่อนไขที่เอไอเอประกาศ ก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง
- ข้อกำหนดและเงื่อนไขของความคุ้มครองจะระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยที่ออกให้กับผู้ถือกรมธรรม์
*สิทธิประโยชน์ของสมาชิกเอไอเอ ไวทัลลิตี้ เป็นไปตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของเอไอเอ ซึ่งเอไอเอขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง แก้ไข ข้อกำหนดและเงื่อนไขต่าง ๆ โดยท่านสามารถตรวจสอบเพิ่มเติมได้ที่แอปพลิเคชัน AIA+ หรือเว็บไซต์ www.aia.co.th/th/health-wellness/vitality/rewards
ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)